Thursday, July 25, 2013

เดคูพาจ ชื่อนี้คืออะไรกัน

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้อง ผองเพื่อน วันนี้ผมมีอะไรมาแนะนำนวัตกรรมใหม่ ไม่สิน่าจะเรียกว่างานฝีมือล้วนๆ ซึ่งก็คือเดคูพาจ แล้วเจ้าเดคูพาจนั่นคืออะไรนะเหรอ มันก็คืองานฝีมืองานประดิษฐ์ที่ได้จาการประดับตกแต่งจากที่ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ตัดปะ ที่เขาเรียกว่ากระดาษที่มีลวดลายสวยงาน แล้วนำมาตกแต่งลงบนอุปกรณ์ที่เรามีอยู่แล้วอยากหมวก ร้องเท้า ไม้ งานจักสาน เป็นต้น จนออกมาเป็นงานชิ้นใหม่ที่สวยไปอีกแบบ วิธีทำก็ไม่ยากเลยครับลองดูในเว็บนี้ วิธีป้ายกาวบนเดคูพาจ  

งาน ที่เราทำออกมาก็ไม่จำเป็นจะต้องเนียบ ถ้าเราแปะกระดาษย่นบ้าง เยินบ้าง ในงานเดคูพาจไม่มีคำว่า "ขี้เหร่" เพราะมันก็ดูสวยไปอีกแบบ บ่อยครั้งไปที่แปะกระดาษย่น บ่อยครั้งไปที่แปะกระดาษขาด ก็ใช้มือถูๆ ให้มันเนียนๆ เอ๊ะ! มีงี้ด้วย ง่ายดีจัง

Thursday, August 30, 2012

เมนูจานเด็ดจาก ผักเป็ด วัชพืชชั้นดีที่ถูกเมิน



ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด


ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

เอ่ยถึงชื่อของ “ผักเป็ด” อาจทำให้หลายคนรู้สึกคุ้นหู เพราะเจ้าผักเป็ดนั้นเป็นวัชพืชที่หาได้ง่ายพอ ๆ กับผักบุ้งเลยล่ะ แต่บ่อยครั้งที่ผักเป็ดมักจะถูกลืมเลือนไปบ้าง เนื่องจากหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าสรรพคุณของผักเป็ดโดดเด่นอย่างไร รายการภัตตาคารบ้านทุ่ง (15 กรกฎาคม) จึงมีเรื่องราวดี ๆ ของผักเป็ดมาฝากกัน ...วัชพืชชั้นดีที่ถูกเมิน อย่างผักเป็ดจะมีดีขนาดไหนคงต้องไปติดตามกันเลยจ้า ..

            รายการภัตตาคารบ้านทุ่งวันนี้ ขอพาแวะไปเยี่ยมเยียนชาวเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีคุณป้าประกอบ คมคาย และคุณป้าสมปอง เรืองโรจน์ เกษตรกรที่จะมาเป็นผู้นำทางพาเราไปรู้จักกับผักเป็ดกัน โดยผักเป็ดนั้นเป็นพืชที่พบมากในที่ราบลุ่ม โดยเฉพาะในเขตภาคกลาง แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ ผักเป็ดขาว และ ผักเป็ดแดง

ผักเป็ดแดง จะมีใบและลำต้นสีแดง ไม่นิยมนำมารับประทาน เนื่องจากมีรสชาติเอียน ๆ ส่วน ผักเป็ดขาว จะมีใบและลำต้นสีเขียว เป็นชนิดที่นิยมนำมารับประทาน โดยแยกประเภทออกไปตามลักษณะอีก 3 ประเภทคือ ผักเป็ดใบมน ผักเป็ดใบแหลม และผักเป็ดใบกลม

ผักเป็ด

            โดย "ผักเป็ดใบมน" นั้น มักจะพบได้ตามริมน้ำปนกับวัชพืชชนิดอื่น ๆ ทำให้ผักเป็ดมีการขยายใบให้แผ่ออกเพื่อแย่งรับแสงแดด ทำให้ใบมีลักษณะกว้างและมน ส่วน "ผักเป็ดใบแหลม" มักพบในบริเวณที่ไกลแหล่งน้ำ และมีแสงแดดส่องผ่านได้น้อย จึงมีการปรับตัวให้ใบแหลมยาวเพื่อลดการคายน้ำ และมีโอกาสโดนแสงแดดให้มากที่สุด ขณะที่ "ผักเป็ดใบกลม" หรือใบไข่กลับ จะมีลักษณะเหมือนไข่กลับหัว ปลายใบกลมมน และค่อย ๆ เรียวลงเป็นปลายแหลมบริเวณโคนใบ มักพบได้ช่วงโคนต้น จัดว่าเป็นผักเป็ดที่สมบูรณ์เพราะเป็นใบที่อวบน้ำ เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย มีรสจืด ต่างจากผักเป็ดใบแหลมที่มีรสชาติค่อนข้างขม ผักเป็ดใบกลมจึงนิยมถูกนำมารับประทานมากที่สุด

เกษตรกรและคนทั่วไปส่วนใหญ่ ไม่ทราบถึงสรรพคุณของผักเป็ด จึงมักจะทำลายทิ้งเพื่อไม่ให้ขึ้นรก จนกลายเป็นผักที่ถูกเมิน แต่แท้จริงแล้วสรรพคุณของผักเป็ดมีอยู่มากมาย เช่น เป็นยาบำรุงเลือด แก้ฟกช้ำ ช่วยละลายเลือดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยกระจายเลือดที่ข้นมากไม่ให้จับกันเป็นก้อน ทำให้ไม่หน้ามืดเป็นลม นอกจากนี้ยังมีสารซาโปนินที่ช่วยฟอกเลือด ลดอาการปวดข้อ ทั้งยังเป็นส่วนผสมของสมุนไพรที่ใช้ในการอยู่ไฟของคุณแม่ที่เพิ่งคลอด และช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนให้ทุเลาลงได้ นอกจากนี้ยังขับไขมันไม่ให้อุดตันในเส้นเลือด ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ต้านพิษต่อตับ และลดไข้อีกด้วย

ผักเป็ด

            สำหรับผักเป็ดใบกลม ยังมีสรรพคุณเป็นยาระบาย เพราะมีน้ำและสารเมือกเยอะ ซึ่งจะช่วยขับเมือกไขมันบริเวณผนังลำไส้ได้ดี ทำให้ถ่ายคล่อง ไม่เกิดอาการท้องผูก พร้อมทั้งช่วยให้เลือดกระจายตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยแพทย์แผนโบราณนิยมเก็บผักเป็ดก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และเลือกเก็บต้นที่ดอกยังไม่แก่ เพราะถ้าหากแก่แล้วสารอาหารจะลดลง เนื่องจากดอกผักเป็ดจะทำการดึงสารอาหารในต้นมาใช้เพื่อสร้างเมล็ด และสะสมอาหารเอาไว้เพื่อขยายพันธุ์ต่อไปนั่นเอง

นอกจากจะมีเรื่องราวดี ๆ จากผักเป็ดมาฝากกันแล้ว วันนี้รายการภัตตาคารบ้านทุ่งก็มีเมนูอร่อยจากผักเป็ดมาฝากกันเช่นเคยด้วยจ้า ..


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

ส่วนประกอบ

ผักเป็ด
หมูสามชั้น
มะขามอ่อน
กระเทียมกลีบเล็ก
ไข่เป็ด
พริกแห้ง
แป้งชุบทอด
ปลาร้า
น้ำปลา
น้ำตาลปี๊บ
น้ำมันพืช
เกลือป่น
กะปิ


วิธีทำ


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

1. ล้างผักเป็ดให้สะอาดและเด็ดยอดอ่อน หั่นหมูสามชั้นเตรียมไว้


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

2. ผสมแป้งทอดกับน้ำคนให้เป็นเนื้อเดียวกัน


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

3. หมักหมูสามชั้นด้วยเกลือ จากนั้นนำไปทอดในน้ำมัน


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

4. แช่มะขามอ่อนในน้ำเปล่า แล้วล้างทำความสะอาด จากนั้นนำมาตัดหัวตัดท้าย


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

5. นำผักเป็ดลงชุบในแป้ง แล้วนำไปทอดในกระทะที่ตั้งไฟรอจนน้ำมันเดือด

6. ตำพริกแห้งให้แหลก ใส่กระเทียมที่ปอกเปลือกแล้ว และมะขามอ่อนตามลงไปตำให้เข้ากัน ใส่กะปิและปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำปลาร้า


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

7. เมื่อส่วนผสมในครกเข้ากันดีแล้ว นำหมูสามชั้นใส่ลงไปตำเบา ๆ เพื่อคลุกเคล้าให้เข้ากัน


ตำมะขามอ่อนนอนรังเป็ด

8. ต้มไข่เป็ดจนได้ที่ และนำมาปอกเปลือก รับประทานเป็นเครื่องเคียงคู่กัน เป็นอันเสร็จสิ้น



ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

ส่วนประกอบ

ผักเป็ด
น่องไก่
มะเขือเทศ
เห็ดนางฟ้า
ข่าอ่อน
ตะไคร้
ใบมะกรูด
พริกขี้หนู
ผักชีฝรั่ง
หอมหัวใหญ่
หอมแดง
กระเทียม
มะนาว
น้ำพริกเผา
น้ำปลา
น้ำตาลทราย
น้ำมันพืช


วิธีทำ

1. นำผักเป็ดลงล้างให้สะอาด จากนั้นเด็ดยอดอ่อนเพื่อเตรียมไว้

2. หั่นข่า ตะไคร้ ซอยหอมหัวใหญ่ ผักชีฝรั่ง จากนั้นหั่นมะเขือเทศและเด็ดใบมะกรูด


ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

3. แช่เห็ดนางฟ้าในน้ำเปล่า หั่นมะนาว ซอยหอมแดงและกระเทียม จากนั้นตำพริกให้พอแหลก

4. นำหอมแดง กระเทียม ข่า และตะไคร้ลงผัดในกระทะ


ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

5. จากนั้นนำน่องไก่ที่บั้งไว้แล้ว ลงตามไปผัดในกระทะ พอให้สุก


ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

6. นำน่องไก่และเครื่องสมุนไพรที่ผัดไว้แล้วลงเรียงใส่ในหม้อดิน ตามด้วยใบมะกรูด และพริกที่ตำไว้

7. ใส่ผักชีฝรั่ง หอมใหญ่ และเห็ดนางฟ้าตามลงไปในหม้อดิน ต่อด้วยผักเป็ด และมะเขือเทศเพื่อแต่งสีสัน


ต้มยำแห้งผักเป็ดอบหม้อดิน

8. ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และน้ำพริกเผา ปิดฝาเพื่ออบหม้อดินจนสุก เป็นอันเสร็จสิ้น


ได้รู้จักสรรพคุณและเมนูอร่อยจากผักเป็ดกันไปแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงจะไม่อยากมองข้ามวัชพืชที่สรรพคุณโดดเด่นอย่างผักเป็ดอีกต่อไป ลองมองริมแหล่งน้ำแถวบ้านคุณให้ดี เผื่อบางทีอาจจะเจอกับพืชดี ๆ อย่างผักเป็ด ให้คุณได้เก็บมาอร่อยกันแบบฟรี ๆ ก็ได้นะคะ

Wednesday, August 22, 2012

โต้ตะคอกใส่หน้า! ตำรวจ ชี้ ขวัญ ขับรถผิดกฎ



ตำรวจ ชี้ ขวัญ ขับรถผิดกฎ



จากกรณีที่นางเอกสาว ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมส่วนตัว ว่า ถูกตำรวจตรงบริเวณแยกยมราชตะคอกใส่หน้าอย่างรุนแรง หลังจากเธอขับรถผิดเลน ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากนั้น

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (23 สิงหาคม) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. (ดูแลงานจราจร) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. (ดูแลงานจราจร)"ชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ระบุว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ขณะที่ ร.ต.อ.พีรรัฐ โยมา สว.จร.สน.นางเลิ้ง กำลังอำนวยการจัดการจราจรให้กับประชาชนอยู่ที่แยกยมราช ก็พบรถเบนซ์คันหนึ่งซึ่งขับอยู่ในช่องทางเดินรถช่องขวาสุด จากถนนพิษณุโลกมุ่งหน้ามาที่แยกยมราช โดยในช่วงดังกล่าวเป็นถนน 3 ช่องทางที่มีเส้นทึบ ห้ามเปลี่ยนช่องทางเดินรถโดยเด็ดขาดกำกับไว้อย่างชัดเจนทุกช่องทาง ซึ่งเมื่อรถเบนซ์ดังกล่าวได้ขับมาใกล้ถึงแยก ได้เปิดไฟเลี้ยว และพยายามแทรกเข้าไปในช่องทางเดินรถช่องที่ 2 จนทำให้รถที่ตามรถเบนซ์มาในช่องทางที่ 3 ชะลอตัวหยุด และทำให้รถในช่องทางที่ 2 ที่รถเบนซ์พยายามจะแทรกเข้าไป ก็ชะลอตัวตามรถคันที่ไม่ยอมให้รถเบนซ์แทรก ซึ่งผู้ขับขี่รถเบนซ์ได้แหย่หน้ารถเข้าไปในช่องทางเดินรถช่องที่ 2 บ้างแล้ว ทำให้สภาพการจราจรติดขัด

            พล.ต.ต.วรศักดิ์ ชี้แจงต่อว่า เมื่อ ร.ต.อ.พีรรัฐ เห็นดังนั้น ได้ทำสัญญาณมือแจ้งไปยังรถเบนซ์ไม่ให้เข้าไปแทรกรถของคนอื่น แต่ให้ขับตรงมา ปรากฏว่า รถเบนซ์คันดังกล่าวไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาณมือ และทำการแทรกเข้าไปในช่องทางเดินรถช่องที่ 2 ได้ในที่สุด ดังนั้น ร.ต.อ.พีรรัฐ จึงเรียกให้รถเบนซ์คันนั้นหยุด เพื่อทำการจับกุม ในข้อหาแซงรถในที่คับขันอันก่อให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด โดยคนขับรถเบนซ์เป็นสุภาพสตรีสาวสวย ซึ่งทราบในภายหลังคือ นางสาวอุษามณี ได้เปิดกระจกออกมา และ ร.ต.อ.พีรรัฐ ได้ทำวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพต่อผู้ขับขี่ตามมารยาทที่ดีที่พึงปฏิบัติต่อประชาชน พร้อมกับกล่าวสวัสดี 
            "นางสาวอุษามณีฯ ได้สอบถามว่า เค้าทำผิดข้อหาอะไร จะรีบไป ร.ต.อ.พีรรัฐฯ ได้แจ้งด้วยเสียงปกติว่า คุณเปลี่ยนช่องทางในเส้นทึบ ทำให้เกิดปัญหารถติดครับ และขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ โดยนางสาวอุษามณีฯ บอกว่า "ไม่ได้เอาใบขับขี่มา ขับรถมากับผู้ปกครอง จะรีบไป ไม่ได้ตั้งใจทำผิด ขอได้ไหม" ร.ต.อ.พีรรัฐ ได้ถามยืนยันขอตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ และถามย้ำว่าไม่ได้เอามาหรือไม่มี นางสาวอุษามณี ได้บอกซ้ำอีกว่า "มีใบขับขี่ แต่ไม่ได้เอามา ขับรถมากับผู้ปกครอง จะรีบไป ขอได้ไหม" ร.ต.อ.พีรรัฐ แจ้งว่า ไม่ได้ครับ ต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด รถคันหน้าก็โดนจับอยู่ เดี๋ยวรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเขียนใบสั่งนะครับ และ ร.ต.อ.พีรรัฐ ก็ได้เดินออกไปจัดการจราจรโบกรถต่อไป โดยไม่มีการตะคอกหรือแสดงอาการตามที่ นางสาวอุษามณี โพสต์ลงแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเขียนใบสั่งให้รถของ น.ส.อุษามณี ได้เดินเข้าไปและวิทยุมาสอบถามว่า ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ให้ดำเนินการอย่างไร ร.ต.อ.พีรรัฐ ได้แจ้งให้ออกใบสั่งลอยไป โดยขอดูชื่อและเลข 13 หลักตามบัตรประชาชน และให้รีบกลับมาโบกรถต่อ ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ออกใบสั่งได้เดินเข้ามาแจ้งกับ ร.ต.อ.พีรรัฐ ว่า ผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ดูบัตรประชาชน แต่บอกว่าจำเลข 13 หลักได้และบอกให้ทราบ และได้ลงรายละเอียดในใบสั่งไว้เรียบร้อย ซึ่งหลังจากนั้น ร.ต.อ.พีรรัฐ ก็ทำการจัดการจราจรต่อไป โดยไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น" พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าว

            รอง ผบช.น. (ดูแลงานจราจร) ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวก็เพิ่งมาทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า นางสาวอุษามณี ได้เขียนข้อความลงในอินสตาแกรมต่อว่าการทำงานของ ร.ต.อ.พีรรัฐ จึงได้ทำรายงานพร้อมหลักฐานเสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เพื่อชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งไม่ตรงกับข้อความที่นางสาวอุษามณีระบุไว้แต่อย่างใด

            ทั้งนี้ ในตอนท้าย พล.ต.ต.วรศักดิ์ ระบุด้วยว่า "ก็ให้คู่กรณี ที่เป็นตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่เข้ามาชี้แจงแล้วนะครับ เรื่องนี้ยังยาว ขอให้ติดตามตอนต่อไปครับ"

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. (ดูแลงานจราจร)

Wednesday, August 15, 2012

ประยุทธ์ สั่งเลื่อนยศ แก้ว พงษ์ประยูร เป็นว่าที่ร้อยตรี


แก้ว พงษ์ประยูร


ประยุทธ์ เตรียมเลื่อนขั้น แก้ว พงษ์ประยูร ให้เป็นว่าที่ร้อยตรี ด้านเจ้าตัวเผยคืนแรกในไทยนอนไม่หลับ แต่ดีใจที่ได้อยู่กับครอบครัว

วันนี้ (15 สิงหาคม) แก้ว พงษ์ประยูร ฮีโร่นักชกเหรียญเงิน ลอนดอนเกมส์ 2012 เปิดเผยที่โรงแรมเรดิสัน ว่า หลังจากที่เดินทางกลับจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถึงประเทศไทยเมื่อวานนี้ (14 สิงหาคม) ตนดีใจที่ได้รับการต้อนรับจากแฟนกีฬาชาวไทยอย่างอบอุ่น ส่วนคืนแรกในเมืองไทย ต้องยอมรับว่ายังปรับสภาพร่างกายกับเวลาที่เปลี่ยนแปลงยังไม่ได้ ทำให้นอนไม่หลับ แต่การที่ได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ทั้ง พ่อ แม่ ภรรยา และลูก ก็ทำให้ตนดีใจอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ค่อยได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างนี้ เพราะต้องเข้าค่ายฝึกซ้อมตลอด
          อย่างไรก็ตาม แก้ว ยังกล่าวอีกว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้เข้าพบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งท่านได้กล่าวยินดีกับตนที่ได้ทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติและกองทัพ พร้อมกับมอบเงินให้จำนวน 6 หมื่นบาทและเสื้อสามารถชั้น 1 ที่หมายถึงเสื้อสูทสำหรับผู้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศด้วย นอกจากนี้ยังมอบรางวัลให้แก่ผู้ฝึกสอน แล้วบอกว่า ในโอลิมปิก 2016 กองทัพจะผลิตนักกีฬาสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศให้มากกว่านี้

          แก้ว กล่าวต่อไปว่า สำหรับเรื่องของหน้าที่การงานนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า จะเลื่อนตำแหน่งให้อย่างแน่นอน โดยจะส่งเรื่องให้ทางสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทยทำเรื่องที่ต้นสังกัด เพื่อเลื่อนยศจาก จ.ส.อ.แก้ว เป็น ว่าที่ ร.ต.แก้ว ต่อไป แต่อาจจะต้องรอในช่วงเดือนกันยายนนี้

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม 

ประกาศแล้ว! ผลสอบนายสิบตำรวจ 2555


ประกาศผลสอบตํารวจ ผลสอบนายสิบรอบแรก 15 สิงหาคม






ประกาศผลสอบ นายสิบตำรวจรอบแรก ผลคะแนนอันดับ 1-3 ทั้ง 2 สาย ออกมาแล้ว ระบุ ให้รายงานตัว 21-25 สิงหาคมนี้ คัดรอบแรกไว้ 1.3 หมื่นคน รอสอบรอบ 2


          หลังจากมีประกาศว่า วันนี้ (15 สิงหาคม) เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป จะมีการประกาศผลสอบนายสิบตำรวจทั่วประเทศ ที่ทำการสอบไปแล้วนั้น ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะ ประธานกรรมการควบคุมการสอบจะเดินทางมาเป็นประธานในการแถลงข่าวประกาศผลการ สอบรอบแรก และร่วมยินดีกับผู้ที่สอบได้ ในลำดับที่ 1 - 3


โดยผู้ที่สอบได้ในสายอำนวยการและสนับสนุน มีรายชื่อดังนี้

          อันดับที่ 1 คือ นายพัชรพล ใจซื่อ มีคะแนนรวม 101 คะแนน จากคะแนนทั้งหมด 120 คะแนน 

          อันดับ 2 คือ นายอันซา อารีย์ยูนุ มีคะแนนรวม 99 คะแนน

          อันดับ 3 คือ น.ส.สุรีรัตน์ โปจีน มีคะแนนรวม 99 คะแนน 

   
          ส่วนที่ผู้ที่สอบได้ในสายป้องกันปราบปราม มีรายชื่อดังนี้

          ลำดับที่ 1 คือ นายวิสิทธิ์ อ่อนตา มีคะแนนรวม 95 คะแนน

          ลำดับที่ 2 นายราชัน จันทร์ทัพ มีคะแนนรวม 93 คะแนน

          ลำดับที่ 3 นายพิษณุ กรพิมพ์อักษร มีคะแนนรวม 93 คะแนน


     ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจศึกษา จะมีการประกาศผลออนไลน์ทางเว็บไซต์กองบัญชาการศึกษา หรือ www.policeadmission.com พร้อมกันทั่วประเทศในเวลา 13.00 น. และติดประกาศตามบอร์ดในจุดที่สอบคัดเลือกตามภาคต่าง ๆ โดยในรอบแรกนี้ ทางคณะกรรมการจะทำการคัดเลือกเอาไว้ประมาณ 1.3 หมื่นคน และจะให้มารายงานตัวตามจุดที่กำหนดไว้ ในวันที่ 21-25 สิงหาคมนี้ และจะนัดสอบรอบที่ 2 ต่อไป โดยอัตราที่สามารถรับไว้ได้คือ 10,000 อัตรา


 

Saturday, August 11, 2012

12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ

ทุกคนรู้กันดีว่า วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปีคือ "วันแม่แห่งชาติ" แล้วรู้กันไหมจ๊ะ ว่า วันแม่แห่งชาติกำหนดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีกิจกรรมอะไรบ้างที่ควรทำในวันนี้ เรามีข้อมูลมาฝากกันด้วยล่ะ


 ประวัติวันแม่

         
แต่เดิมนั้น วันแม่ของชาติได้กำหนดเอาไว้วันที่ 15 เมษายนของทุก ๆ ปี ทั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีประกาศรับรอง เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2493 ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าการจัดงานวันแม่ของสำนักวัฒนธรรมฝ่ายหญิง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้รับมอบหมายให้จัดงาน วันแม่ มาตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2493 เป็นครั้งแรกเป็นต้นมานั้นได้รับความสำเร็จด้วยดี ด้วยประชาชนให้การสนับสนุน จนสามารถขยายขอบข่ายของงานให้กว้างขวางออกไป 

          มีการจัดพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา การประกวดคำขวัญวันแม่ การประกวดแม่ของชาติ เพื่อให้เกียรติและตระหนักในความ สำคัญของแม่ และเพื่อเพิ่มความสำคัญของวันแม่ให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้งานวันแม่จึงเป็นวันแม่ประจำปีของชาติตามประกาศของรัฐบาลฯพณฯ จอมพล ป.พิบูลสงคราม แต่โดยทั่วไปเรียกกันว่าวัน แม่ของชาติ 

          ต่อ มาถึง พ.ศ.2519 ทางราชการได้เปลี่ยนใหม่ให้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ คือ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ เริ่มในปี พ.ศ.2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน
 กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันแม่แห่งชาติ

         
1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน

          2. จัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับวันแม่ เช่น การจัดนิทรรศการ  

          3. จัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศล เพื่อรำลึกถึงพระคุณของแม่

          4. นำพวงมาลัยดอกมะลิไปกราบขอพรจากแม่
วันแม่ 

 การจัดงานวันแม่แห่งชาติในประเทศไทย

 
          งานวันแม่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยกระทรวงสาธารณสุข แต่ช่วงนั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไป เมื่อวิกฤติสงครามสงบลง หลายหน่วยงานได้พยายามให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง ต่อมาวันแม่ที่รัฐบาลรับรอง คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ.2493 แต่ก็ต้องหยุดลงอีกในหลายปีต่อมา เนื่องจากกระทรวงวัฒนธรรมถูกยุบไป ส่งผลให้สภาวัฒนธรรมแห่งชาติซึ่งรับหน้าที่จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุน

          ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้จัดงานวันแม่ขึ้นอีกครั้ง ในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวเท่านั้น จน กระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงได้กำหนดวันแม่ขึ้นใหม่ให้เป็นวันที่แน่นอน โดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ
 สัญลักษณ์ที่ใช้ในวันแม่


          สัญลักษณ์ ที่ใช้ในวันแม่คือ ดอกมะลิ ซึ่งมีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปี เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย

วันแม่

 เพลงที่ใช้ในวันเเม่ 

 
          ค่าน้ำนม คือ เพลงอย่างเป็นทางการที่ใช้ในงานวันเเม่เเห่งชาติ เเต่งขึ้นโดย อาจารย์ สมยศ ทัศนพันธ์ ได้เรียบเรียงบทเพลงที่เรียกได้ว่า ขึ้นหิ้งอมตะ และเป็นงานเพลงชิ้นเอก ซึ่งได้ฟังเมื่อไรเป็นต้องหวนระลึกถึงบุญคุณของเเม่เเละวันคืนเก่า ๆ ของวิถีไทยในสมัยก่อน

          เนื้อ เพลง นอกจากจะให้เราระลึกถึงพระคุณเเม่เเล้วยังทำให้เรามองเห็นขนบดั้งเดิมตาม วิถีไทย หลายอย่างจากเนื้อเพลง เช่นการศึกษาของผู้ชายไทยสมัยก่อนนั้น มักจะอยู่ในวัดวาอาราม ซึ่งเป็นแหล่งสอนสั่งความรู้ ทางโลก อ่านออกเขียนได้ และทางธรรม อันได้แก่ การถือศีล และยิดมั่นในพระรัตนไตร นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อกันอีกว่า หากลูกชายบ้านใหน ได้บวชเรียน ก็จะส่งแผ่ อานิสงค์ไปให้กับพ่อแม่ ได้เกาะชายผ้าเหลืองไปสู่ที่ดี ๆ เมื่อถึงกาลแตกดับ

         
ท่วง ทำนองเสนาะโสต และทุ่มเย็น กับคำร้องที่ตรงไปตรงมา ชวนให้นึกภาพตามได้ไม่ยาก แม้แต่เด็กเล็ก ๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ใครฟังเพลงนี้แล้วจะต้องหลั่งน้ำตาให้กับความซาบซึ้งแห่งรักที่แม่มีให้ เรา...

          เนื้อเพลง ค่าน้ำนม

         
แม่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง ที่เฝ้าหวงห่วงลูกแต่หลังเมื่อยังนอนเปล แม่เราเฝ้าโอละเห่ กล่อมลูกน้อยนอนเปลไม่ห่างหันเหไปจนไกล

          แต่เล็กจนโตโอ้แม่ถนอม แม่ผ่ายผอมย่อมเกิดแต่รักลูกปักดวงใจ เติบโตโอ้เล็กจนใหญ่ นี่แหละหนาอะไรมิใช่ใดหนาเพราะค่าน้ำนม 

          ควรคิดพินิจให้ดี ค่าน้ำนมแม่นี้จะมีอะไรเหมาะสม โอ้ว่าแม่จ๋าลูกคิดถึงค่าน้ำนม เลือดในอกผสมกลั่นเป็นน้ำนมให้ลูกดื่มกิน 

          ค่าน้ำนมควรชวนให้ลูกฝัง แต่เมื่อหลังเปรียบดังผืนฟ้าหนักกว่าแผ่นดิน บวชเรียนพากเพียรจนสิ้น หยดหนึ่งน้ำนมกินทดแทนไม่สิ้นพระคุณแม่เอย
( ซ้ำ *, ** )

Wednesday, August 08, 2012

แก้ว พงษ์ประยูร คว่ำบัลแกเรีย การันตีเหรียญทองแดงแล้ว


แก้ว พงษ์ประยูร
แก้ว พงษ์ประยูร


 แก้ว พงษ์ประยูร ชนะนักชกจากบัลแกเรีย คว้าเหรียญทองแดงแล้วแน่นอน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ มวยสากลสมัครเล่นในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 ได้สำเร็จ

             เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (9 สิงหาคม) มีการแข่งขันมวยโอลิมปิก ลอนดอน เกมส์ 2012  รุ่นไลท์ฟลายเวท (49 กิโลกรัม) ซึ่งแก้ว พงษ์ประยูร นักชกที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวของไทย พบกับ อเลกซานดาร์ อเลกซานดรอฟ นักชกจากบัลแกเรีย

             ผลการแข่งขันปรากฏว่า ยกแรกเสมอกัน 3-3 ส่วนยกที่สองแก้ว พงษ์ประยูร โชว์ฟอร์มดีกว่าทำให้มีคะแนนนำนักชกจากบัลแกเรีย  6-4 มาถึงยกสุดท้าย แก้ว ยังทำคะแนนนำ จนหมดยก กรรมการประกาศให้ แก้ว พงษ์ประยูร ชนะนักชกจากบัลแกเรีย 16-10 คะแนน คว้าเหรียญทองแดงแล้วแน่นอน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ มวยสากลสมัครเล่นในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2012 ได้สำเร็จ และรอบต่อไปจะเข้าไปพบกับนักชกจากรัสเซีย  


ประวัติ แก้ว พงษ์ประยูร 
          สำหรับ แก้ว พงษ์ประยูร หรือ จ่าสิบเอกแก้ว พงษ์ประยูร นักชกไทยรุ่นไลท์ฟลายเวท 49 กิโลกรัม ติดอันดับ 14 ของโลก เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2523 ที่ตำบลวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร โดยเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 6 คน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร สาขาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมการผลิต และรับราชการเป็นทหารบกสังกัดกองทัพภาคที่ 3 ประจำกองพลทหารม้าที่ 1 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ปัจจุบันสมรสกับนางธาราทิพย์ พงษ์ประยูร มีบุตรสาว 1 คน
          ชีวิตของ แก้ว พงษ์ประยูร เริ่มก้าวเข้าสู่การชกมวยไทยตั้งแต่อายุ 12 ปี แต่หันมาชกมวยสากลเมื่อตอนอายุ 17 ปี และเพียงแค่ 3 ปีในการชกมวยสากลเขาก็ติดทีมชาติตอนอายุ 20 ปี หลังจากนั้นก็เป็นตัวแทนคนไทยไปแข่งมาแล้วหลายรายการ โดยเคยเข้าแข่งขันซีเกมส์มาถึง 6 สมัย ซึ่งได้เหรียญทอง 4 ครั้ง, เหรียญเงิน 1 ครั้ง และเหรียญทองแดง 1 ครั้ง 

          แต่ในการแข่งขันในระดับโอลิมปิกนั้น ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของ เแก้ว พงษ์ประยูร ซึ่งเขาสามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้ามาเป็นตัวแทนคนไทยได้ หลังเอาชนะ ซาลมาน อาลีซาดา นักมวยชาวอาเซอร์ไบจัน ที่ประเทศอาเซอร์ไบจัน ไป 23-8 หมัด เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554